การกำหนดค่าโปรไฟล์เครือข่าย

จากโปรไฟล์เครือข่าย คุณจะสามารถกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN IP การตั้งค่าความปลอดภัย WLAN และการตั้งค่า WWAN สำหรับอุปกรณ์ในเครือข่ายของคุณได้

เมื่อคุณกำหนดการตั้งค่า WLAN IP, WLAN และ WWAN คุณจะสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงมีผลได้ทันทีหรือเลือกเวลาเริ่มต้นเพื่อให้การตั้งค่าเหล่านั้นมีผลได้เมื่อการตั้งค่ามีผล หากมีมากกว่าหนึ่งโปรไฟล์เครือข่ายที่เปิดใช้งานและนำไปใช้ในโฟลเดอร์ โปรไฟล์เครือข่ายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดจะเป็นโปรไฟล์ที่นำไปใช้กับอุปกรณ์ของคุณ

Enabler เก่าไม่ได้จัดเก็บการตั้งค่าที่กำหนดไว้รายการเหล่านั้นจะได้รับการตั้งค่าเครือข่ายใหม่ในครั้งแรกที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หลังจากพ้นกำหนดเวลาเริ่มต้นตามกำหนด

การกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN IP

โปรไฟล์เครือข่ายช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN IP สำหรับอุปกรณ์และกำหนดเวลาที่จะปรับใช้ค่าดังกล่าวตัวเลือกรวมถึง:

แทนที่การตั้งค่าแบบกำหนดเองบนอุปกรณ์เคลื่อนที่	แทนที่การตั้งค่า IP ที่มีการตั้งค่าบนอุปกรณ์
ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์	ให้ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์กับอุปกรณ์เคลื่อนที่คุณสามารถระบุที่อยู่หรือชื่อ DNS ได้หากคุณใช้ตัวเลือก ใช้ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่จะใช้ที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์ที่อุปกรณ์นั้นเชื่อมต่อ หากใช้ชื่อ DNS ให้คลิก แก้ไข เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถแก้ไขที่อยู่ได้ หากโปรไฟล์อุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นตัวแจ้งที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ ที่อยู่ดังกล่าวจะมีแทนที่ที่อยู่อื่นที่ได้รับจากโปรไฟล์เครือข่าย
เกตเวย์	จัดหาที่อยู่ให้แก่อุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับโหนดที่จัดการการสื่อสารกับอุปกรณ์ภายนอกซับเน็ตคุณสามารถระบุที่อยู่หรือชื่อ DNS ได้หากคุณใช้ตัวเลือก ใช้ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่จะใช้เกตเวย์ของเซิร์ฟเวอร์ที่อุปกรณ์นั้นเชื่อมต่อ
ซับเน็ตมาสก์	ให้ซับเน็ตมาสก์กับอุปกรณ์เคลื่อนที่คุณสามารถระบุที่อยู่หรือชื่อ DNS ได้หากคุณเลือกใช้ตัวเลือก ใช้ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่จะใช้มาสก์ของเซิร์ฟเวอร์ที่อุปกรณ์นั้นเชื่อมต่อ
จัดการ DNS	อนุญาตให้โปรไฟล์จัดการตัวเลือก DNS สำหรับอุปกรณ์
ชื่อโดเมน	ระบุชื่อโดเมนของอุปกรณ์
หลัก	ระบุที่อยู่ IP สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อใช้เป็น DNS หลัก
รอง	ระบุที่อยู่ IP สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อใช้เป็น DNS รอง (ในกรณีที่ DNS หลักไม่พร้อมใช้งาน)
ขั้นสาม	ระบุที่อยู่ IP สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อใช้เป็น DNS ขั้นสาม (ในกรณีที่ DNS หลักและรองไม่พร้อมใช้งาน)
จัดการการจัดสรร IP	ช่วยให้คุณจัดการที่อยู่ IP ที่กำหนดให้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณคุณสามารถเลือกที่จะใช้เซิร์ฟเวอร์ DHCP หรือการกำหนด IP Pool ก็ได้

ในการกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN IP ปัจจุบัน

1.จากแถบคำสั่งโปรไฟล์ที่มีให้ใช้ได้ในแถบ โปรไฟล์ คลิกที่โปรไฟล์เครือข่ายที่คุณต้องการแก้ไข
หน้า รายละเอียดโปรไฟล์เครือข่าย จะปรากฏขึ้น

2.คลิก แก้ไข
หน้า แก้ไขโปรไฟล์เครือข่าย จะปรากฏขึ้น

3.เปิดใช้งานช่องทำเครื่องหมาย จัดการ WLAN IP
แถบคำสั่งคำสั่งการตั้งค่า WLAN IP จะปรากฏขึ้น

4.ตั้งค่า WLAN IP ตามต้องการ

5.คลิก บันทึก เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

ในการกำหนดค่าการเปลี่ยนแปลงตามกำหนดเวลาสำหรับการตั้งค่า WLAN IP

2.ในพาเนล การเปลี่ยนโฟลเดอร์ที่จัดกำหนดการไว้ ให้คลิก ใหม่

3.เลือก วันที่เริ่มต้น และ เวลา ที่คุณต้องการให้การตั้งค่าแสดงผล และกำหนดการตั้งค่าการกำหนดการตามต้องการ

4.คลิก บันทึก
การเปลี่ยนแปลงจะถูกปรับใช้เมื่อถึงเวลาที่กำหนด

การกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN

จากโปรไฟล์เครือข่าย คุณสามารถกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN สำหรับอุปกรณ์ของคุณได้การตั้งค่าเหล่านี้จะถูกปรับใช้กับโปรไฟล์และนำมาใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ตัวเลือกรวมถึง:

SSID	ตัวเลือกนี้จะให้ SSID กับอุปกรณ์ไร้สายSSID เป็นตัวระบุชุดบริการที่อนุญาตให้มีการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่แชร์ SSID เดียวกันเท่านั้น
การเข้ารหัส	ตัวเลือกนี้ช่วยให้คุณสามารถเปิดใช้งานการเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ได้คุณมีตัวเลือกสำหรับการเข้ารหัสต่อไปนี้:
	ไม่มีอุปกรณ์จะไม่เข้ารหัสข้อมูล
	WEPWired Equivalent Privacy เป็นโปรโตคอลการเข้ารหัสโดยใช้คีย์ 40 หรือ 128 บิตซึ่งจะถูกแจกจ่ายไปยังอุปกรณ์ของคุณเมื่อเปิดใช้งาน WEP อุปกรณ์จะสามารถสื่อสารได้แต่กับอุปกรณ์อื่นที่ใช้คีย์ WEP เดียวกันได้เท่านั้น Avalanche จะติดตามเฉพาะคีย์ WEP ที่กำหนดให้กับอุปกรณ์ผ่านคอนโซล Avalancheดังนั้นคีย์ WEP ที่แสดงในคอนโซลอาจไม่ตรงกับคีย์สำหรับอุปกรณ์ไร้สายหากคุณแก้ไขจากภายนอก Avalanche
	การหมุนเวียนคีย์ WEPการหมุนเวียนคีย์ WEP ใช้สี่คีย์ซึ่งจะหมุนเวียนโดยอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่กำหนดแต่ละครั้งที่มีการหมุนเวียนคีย์ คีย์หนึ่งคีย์จะถูกแทนที่ด้วยคีย์ใหม่ที่สร้างขึ้นแบบสุ่ม การตั้งค่าการหมุนเวียนคีย์ WEP ไม่สามารถคืนค่าได้หากระบบที่โฮสต์เซิร์ฟเวอร์ไม่พร้อมให้บริการ (เช่น เนื่องจากฮาร์ดแวร์ล่ม) คุณจะต้องเชื่อมต่อใหม่แบบอนุกรมกับอุปกรณ์เคลื่อนที่แต่ละตัวเพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งค่าคีย์ WEP เชื่อมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
	WPA (TKIP)WPA หรือ Wi-Fi Protected Access ใช้ Temporal Key Integrity Protocol (TKIP) เพื่อเข้ารหัสข้อมูลและเปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสเมื่อใช้ระบบWPA ใช้คีย์ที่ใหญ่กว่าและการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อความเพื่อให้การเข้ารหัสมีความปลอดภัยมากกว่า WEPนอกจากนี้ WPA ยังได้รับการออกแบบเพื่อปิดเครือข่ายเป็นเวลา 60 วินาทีเมื่อตรวจพบความพยายามในการทำลายการเข้ารหัสความพร้อมใช้งานของ WPA ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์บางประเภท
	WPA2 (AES)WPA2 คล้ายกับ WPA แต่ตรงตามมาตรฐานที่สูงขึ้นสำหรับความปลอดภัยของการเข้ารหัสใน WPA2 การเข้ารหัส การจัดการคีย์ และความสมบูรณ์ของข้อความจะได้รับการจัดการโดย CCMP (Counter Mode with Cipher Block Chaining Message Authentication Code Protocol) แทนที่จะเป็น TKIPความพร้อมใช้งานของ WPA2 ขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์บางประเภท
	WPA (TKIP) + WPA2 (AES)โหมด WPA แบบผสมช่วยให้คุณสามารถใช้การเข้ารหัส AES หรือ TKIP ได้ โดยขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์รองรับสิ่งใด
คีย์	คีย์แชร์เบื้องต้นหากคุณกำลังใช้งาน PSK กับ WPA หรือ WPA2
ช่วงเวลาการหมุนเวียนคีย์การเผยแพร่	ความถี่ที่คีย์การเผยแพร่ของจุดเชื่อมต่อถูกเปลี่ยน
คุณสมบัติกำหนดเอง	ตัวเลือกนี้จะทำให้คุณสามารถเพิ่มคุณสมบัติที่กำหนดเองไปยังอุปกรณ์ที่ได้รับโปรไฟล์เครือข่ายนี้ได้ด้วยการคลิก __ ที่กำหนด คุณจะสามารถเพิ่ม แก้ไข และลบคุณสมบัติและค่าของคุณสมบัตินั้นๆ ได้คุณสมบัติที่กำหนดเองจะถูกกำหนดด้วยคู่ค่าคีย์
การตั้งค่าการตรวจรับรอง	ประเภทการตรวจรับรองความถูกต้องที่มีนั้นขึ้นอยู่กับการเข้ารหัสที่คุณเลือกและสิ่งที่ Enabler และฮาร์ดแวร์ของคุณรองรับคุณต้องเลือกประเภทการเข้ารหัส แล้วคลิก ใช้การตรวจรับรองความถูกต้อง ก่อนที่จะมีตัวเลือกการตรวจรับรองความถูกต้องให้เลือกตัวเลือกการรับรองความถูกต้องรวมถึง:
	EAPโปรโตคอลการตรวจรับรองความถูกต้องแบบขยายได้Avalanche รองรับวิธี EAP หลายวิธีดังที่อธิบายไว้ด้านล่าง
	PEAP/MS-CHAPv2(Protected Extensible Authentication Protocol combined with Microsoft Challenge Handshake Authentication Protocol) PEAP/MS‑CHAPv2 จะใช้ได้เมื่อคุณใช้การเข้ารหัสโดยจะใช้ใบรับรองคีย์สาธารณะเพื่อสร้างอุโมงค์ Transport Layer Security ระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์การตรวจรับรองความถูกต้อง
	PEAP/GTC(Protected Extensible Authentication Protocol with Generic Token Card) PEAP/GTC จะใช้ได้เมื่อคุณใช้การเข้ารหัสซึ่งจะคล้ายกับ PEAP/MS ‑ CHAPv2 แต่ใช้โปรโตคอลการตรวจรับรองความถูกต้องภายในแทน MS-CHAP
	EAP-FAST/MS-CHAPv2(โปรโตคอลการรับรองความถูกต้องที่ขยายได้ - การรับรองความถูกต้องที่ยืดหยุ่นโดยผ่านอุโมงค์ความปลอดภัยที่ผสานรวมกับ MS‑CHAPv2) EAP‑FAST จะใช้ข้อมูลประจำตัวการเข้าถึงและใบรับรองทางเลือกที่ได้รับการปกป้องในการสร้างอุโมงค์ความปลอดภัยระดับชั้นการขนส่ง
	EAP_FAST/GTC(โปรโตคอลการรับรองความถูกต้องที่ขยายได้ - การรับรองความถูกต้องที่ยืดหยุ่นโดยผ่านอุโมงค์ความปลอดภัยที่มี Generic Token Card) EAP‑FAST จะใช้ข้อมูลประจำตัวการเข้าถึงและใบรับรองทางเลือกที่ได้รับการปกป้องในการสร้างอุโมงค์ความปลอดภัยระดับชั้นการขนส่ง
	TTLS/MS‑CHAPv2(ความปลอดภัยระดับชั้นการขนส่งที่มีอุโมงค์กับ MS‑CHAPv2) TTLS ใช้ใบรับรองโครงสร้างพื้นฐานคีย์สาธารณะ (เฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์) เพื่อสร้างอุโมงค์ความปลอดภัยระดับชั้นการขนส่ง
	LEAP(โปรโตคอลการรับรองความถูกต้องที่ขยายได้และมีน้ำหนักเบา) LEAP กำหนดให้ทั้งไคลเอนท์และเซิร์ฟเวอร์ต้องรับรองความถูกต้อง จากนั้นจึงสร้างคีย์ WEP แบบไดนามิค
	EAP-TLS(โปรโตคอลการรับรองความถูกต้องที่ขยายได้ - ความปลอดภัยระดับชั้นการขนส่ง) EAP-TLS คือหนึ่งในมาตรฐาน EAP ที่ปลอดภัยที่สุดที่มีให้ใช้งานได้สำหรับการรับรองความถูกต้อง LAN แบบไร้สาย ใช้ใบรับรองกับทั้งอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยเมื่อเลือกการตั้งค่าการรับรองความถูกต้องนี้แล้ว คุณจะสามารถระบุ ชื่อผู้ใช้ Active Directory และ โดเมน องค์กรเพื่อนำไปใช้กับคำขอการตรวจรับรองความถูกต้องทั้งหมดได้ ตัวเลือกนี้มีให้ใช้งานเฉพาะวิธีการเข้ารหัส WPA (TKIP) และ WPA 2 (AES) หากคุณใช้เซิร์ฟเวอร์การจัดการใบรับรอง คุณต้องใช้ EAP-TLSสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการใบรับรอง ให้ดู การใช้เซิร์ฟเวอร์การจัดการใบรับรอง
ตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์	อัปโหลดใบรับรองหลักเพื่อเปรียบเทียบระหว่างเซิร์ฟเวอร์การจัดการใบรับรองและ Enabler ระหว่างการตรวจรับรองความถูกต้องหากใบรับรองไม่ตรงกัน อุปกรณ์จะถูกกันไม่ให้เข้าถึงเครือข่ายตัวเลือกนี้จะดีที่สุดถ้าคุณใช้ใบรับรองเดียวในหลายๆ อุปกรณ์ใบรับรองนี้จะไม่ต่ออายุโดยอัตโนมัติผ่านเซิร์ฟเวอร์ SCEP ของคุณ และต้องอัปโหลดด้วยตนเองในแต่ละช่วงเวลาการต่ออายุ
ใช้ใบรับรองของไคลเอ็นต์	ตัวเลือกนี้ช่วยให้คุณสามารถแจกจ่ายใบรับรอง SSL โดยตรงไปยังอุปกรณ์ที่ใช้โปรไฟล์เครือข่ายนี้ได้การเปิดใช้งานการตั้งค่านี้จำเป็นต้องมีการปรับใช้ใบรับรองกับอุปกรณ์ AIDC ในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการตั้งค่าการจัดการใบรับรองสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดู การใช้เซิร์ฟเวอร์การจัดการใบรับรอง
แหล่งใบรับรองของไคลเอ็นต์	หน่วยงานที่ออกใบรับรองแจกจ่ายใบรับรองแต่ละใบไปยังอุปกรณ์โดยใช้ผู้มีอำนาจให้ใบรับรองวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องการแจกจ่ายใบรับรองที่ไม่ซ้ำกันไปยังแต่ละอุปกรณ์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ การกำหนดค่าการตั้งค่าระบบทั่วไปเมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้ ฟิลด์ต่อไปนี้จะปรากฏขึ้น: •หน่วยงานที่ออกใบรับรองแสดงผู้มีอำนาจให้ใบรับรองที่มีอยู่ทั้งหมดสำหรับการจัดการใบรับรองอุปกรณ์แต่ละรายการในการใช้ตัวเลือกนี้คุณต้องเพิ่ม Microsoft Certificate Authority (SCEP) อย่างน้อยหนึ่งรายการในหน้าจอการตั้งค่าระบบคุณสามารถเลือกผู้มีอำนาจให้ใบรับรองได้หนึ่งคนต่อโปรไฟล์เครือข่าย •ความถูกต้องแนบวันหมดอายุกับใบรับรองฟิลด์ วันที่เหลือจนกว่าจะหมดอายุ จะอนุญาตให้คุณตั้งค่าเมื่อต้องการตรวจสอบวันหมดอายุของใบรับรองช่องทำเครื่องหมาย ต่ออายุใบรับรองโดยอัตโนมัติ จะขึ้นอยู่กับวันหมดอายุและจะกำหนดว่า Avalanche จะต่ออายุใบรับรองโดยอัตโนมัติหรือปล่อยให้หมดอายุไป อัปโหลดไปยัง Avalancheอัปโหลดใบรับรองเดียวไปยัง Avalanche และแจกจ่ายไปยังอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโปรไฟล์เมื่ออัปโหลดใบรับรอง คุณต้องระบุรหัสผ่านของใบรับรองด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องการแจกจ่ายใบรับรองเดียวไปยังหลายอุปกรณ์
ข้อมูลประจำตัว	ตัวเลือกนี้จะอนุญาตให้คุณกำหนดว่าผู้ใช้ได้รับแจ้งสำหรับข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบหรือใช้ข้อมูลประจำตัวที่กำหนดไว้เมื่อเข้าถึงเครือข่าย
พร้อมท์	แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลประจำตัวเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่อัปเดตข้อมูลประจำตัวบนเครือข่ายเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย
คงที่	ป้อนชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และโดเมนที่มีให้โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายสำหรับการเชื่อมต่อ WiFi แบบแฮนด์ฟรี

ในการกำหนดค่าการตั้งค่า WLAN ปัจจุบัน

2.คลิก แก้ไข
หน้า แก้ไขโปรไฟล์เครือข่าย จะปรากฏขึ้น

3.เปิดใช้งานช่องทำเครื่องหมาย จัดการ WLAN
แผงการตั้งค่า WLAN จะปรากฏขึ้น

4.กำหนดค่าการตั้งค่า WLAN ตามต้องการ หากคุณเลือกการเข้ารหัส WEP, WPA หรือ WPA2 แบบ 128 บิต คุณสามารถเปิดใช้งานช่องทำเครื่องหมาย ใช้การรับรองความถูกต้อง เพื่อเลือกประเภทการรับรองความถูกต้องที่จะใช้ได้

•หากคุณเลือกคีย์ WEP ให้เลือกคีย์ขนาด 40 บิตหรือ 128 บิตหากคุณใช้ WEP แบบ 128 บิตพร้อมการเข้ารหัส คีย์จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติมิเช่นนั้น คุณต้องระบุคีย์ในรูปแบบเลขฐานสิบหกคีย์ 40 บิตควรมี 10 อักขระและคีย์ 128 บิตควรมี 26 อักขระหากต้องการเปลี่ยนค่าสำหรับคีย์ใดคีย์หนึ่ง ให้พิมพ์ค่าใหม่ (โดยใช้ 0-9 และ A-F) ในกล่องข้อความที่เหมาะสมตัวอย่างของคีย์ 40 บิตจะเป็น: 5D43AB290Fจากนั้นเลือกคีย์ที่อุปกรณ์จะส่งจากเมนูเลื่อนลง ส่งคีย์

•หากคุณเลือกการหมุนเวียนคีย์ WEP ให้เลือกขนาดคีย์ 40 หรือ 128 บิต วันที่เริ่มต้นและเวลา ช่วงการหมุนเวียนและรหัสผ่าน

•หากคุณกำลังใช้คีย์ที่แชร์ล่วงหน้ากับ WPA หรือ WPA2 ให้พิมพ์รหัสผ่านหรือคีย์เลขฐานสิบหกในกล่องข้อความ คีย์ใช้ตัวเลือก ช่วงเวลาการหมุนเวียนคีย์การเผยแพร่ เพื่อกำหนดความถี่ในการหมุนเวียนคีย์

•หากคุณเลือกการตรวจรับรอง PEAP หรือ TTLS ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย ตรวจสอบความถูกต้องเอกสารรับรอง เพื่อกำหนดเส้นทางไปยังเอกสารรับรอง

•หากคุณเลือก EAP_FAST ให้ระบุเส้นทางและรหัสผ่านไปยังไฟล์ PAC (รหัสประจำตัวการเข้าถึงอย่างปลอดภัย) การทำเช่นนี้จะจัดเตรียมอุปกรณ์ด้วยไฟล์ PAC

•หากคุณเลือกวิธีการรับรองความถูกต้องเหล่านี้ ให้กำหนดค่าว่า ข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ จะเป็นแบบ แจ้งเตือน (ระบบแจ้งผู้ใช้เมื่อต้องการข้อมูลประจำตัว) หรือ ที่กำหนด (ระบบส่งข้อมูลประจำตัวโดยอัตโนมัติเมื่อต้องการ)

5.คลิก บันทึก เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

ในการกำหนดค่าการเปลี่ยนแปลงตามกำหนดเวลาสำหรับการตั้งค่า WLAN

2.ในพาเนล การเปลี่ยนโฟลเดอร์ที่จัดกำหนดการไว้ ให้คลิก ใหม่

4.คลิก บันทึก
การเปลี่ยนแปลงจะถูกปรับใช้เมื่อถึงเวลาที่กำหนด

การกำหนดค่าการตั้งค่า WWAN

จากโปรไฟล์เครือข่าย คุณสามารถกำหนดค่าการตั้งค่า WWAN สำหรับอุปกรณ์ของคุณด้วยความสามารถ WWAN ได้การตั้งค่าเหล่านี้จะถูกปรับใช้กับโปรไฟล์และนำมาใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ตัวเลือกรวมถึง:

ชื่อการเชื่อมต่อ	ชื่อสำหรับการเชื่อมต่อ
ชนิดการเชื่อมต่อ	มีการเชื่อมต่อสองประเภทสำหรับอุปกรณ์ WWAN ของคุณได้แก่ APN (GPRS / EDGE / 3G)ระบุโดเมน (ชื่อจุดเข้าใช้งาน) หากคุณใช้การเชื่อมต่อประเภทนี้ตัวอย่างของ APN คือ: wap.cingular เรียกหมายเลขพิมพ์หมายเลขที่จะเรียกโดยโมเด็มหมายเลขนี้ไม่สอดคล้องกับหมายเลขของอุปกรณ์
ข้อมูลประจำตัว	กำหนดเอกสารรับรอง ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ โดเมน สำหรับการเชื่อมต่อตามความเหมาะสม
คุณสมบัติกำหนดเอง	ตัวเลือกนี้จะทำให้คุณสามารถเพิ่มคุณสมบัติที่กำหนดเองไปยังอุปกรณ์ที่ได้รับโปรไฟล์เครือข่ายนี้ได้ด้วยการคลิก _ที่กำหนด คุณจะสามารถเพิ่ม แก้ไข และลบคุณสมบัติและค่าของคุณสมบัตินั้น ๆ ได้คุณสมบัติที่กำหนดเองจะถูกกำหนดด้วยคู่ค่าคีย์
เปิดใช้งานการบีบอัดส่วนหัว TCP/IP	ปรับปรุงประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อความเร็วต่ำ
เปิดใช้งานการบีบอัดซอฟต์แวร์	ปรับปรุงประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อความเร็วต่ำ
เปิดใช้โทรศัพท์ตามที่จำเป็น	Enabler สามารถเปิดใช้โทรศัพท์ของอุปกรณ์หากต้องใช้การเชื่อมต่อ WWAN
ต้องมีการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ผ่านสาย	Enabler จะพยายามเชื่อมต่อ WWAN หากไม่สามารถเชื่อมต่อ LAN ได้
ที่อยู่ IP สาธารณะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ Avalanche	ระบุที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์องค์กรที่สามารถเข้าถึงได้จาก WWANการทำเช่นนี้เป็นเรื่องจำเป็นหากอุปกรณ์พยายามติดต่อเซิร์ฟเวอร์เมื่อเชื่อมต่อจากนอกเครือข่ายภายในของเซิร์ฟเวอร์

ในการกำหนดค่าการตั้งค่า WWAN ปัจจุบัน

2.คลิก แก้ไข
หน้า แก้ไขโปรไฟล์เครือข่าย จะปรากฏขึ้น

3.เปิดใช้งานช่องทำเครื่องหมาย จัดการ WWAN
แผงการตั้งค่า WWAN จะปรากฏขึ้น

4.กำหนดค่าการตั้งค่า WWAN ตามต้องการ

5.คลิก บันทึก เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ

ในการกำหนดค่าการเปลี่ยนแปลงตามกำหนดเวลาสำหรับการตั้งค่า WWAN

2.ในพาเนล การเปลี่ยนโฟลเดอร์ที่จัดกำหนดการไว้ ให้คลิก ใหม่

4.คลิก บันทึก
การเปลี่ยนแปลงจะถูกปรับใช้เมื่อถึงเวลาที่กำหนด