การกำหนดค่าการตั้งค่าระบบทั่วไป

ตั้งค่า Avalanche เพื่อให้ไม่สามารถปรับใช้โปรไฟล์ได้ที่ระดับ โครงข่ายของฉัน ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น

ให้ผู้ใช้ออกจากระบบหลังจากไม่ใช้งานเป็นจำนวนนาทีที่ตั้งไว้ ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น

ตั้งค่าว่าจะรีเฟรชหน้าบ่อยแค่ใด ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น

จำนวนวันที่จัดแสดงการแจ้งเตือนในแถบคำสั่ง การแจ้งเตือนปัจจุบัน

จำนวนการแจ้งเตือนที่จะจัดแสดง

จำนวนการแจ้งเตือนสูงสุดที่จะจัดเก็บ การแจ้งเตือนจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์โครงข่าย ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ดูแลระบบเท่านั้น

ให้การตั้งค่าสำหรับเซิร์ฟเวอร์อีเมลเพื่อให้ Avalanche สามารถส่งอีเมลเมื่อการแจ้งเตือนถูกสร้างได้ ให้ที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์อีเมล ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในการเข้าถึง และพอร์ตที่เซิร์ฟเวอร์รับข้อมูล คุณสามารถระบุที่อยู่สำหรับการตอบกลับหรือที่อยู่ที่จะใช้ส่งข้อความจากได้ หากต้องการ

เปิดใช้งานการล็อกการแก้ไขเพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้ที่แก้ไขรายการเดียวกันในเวลาเดียวกัน หากผู้ใช้กำลังแก้ไขรายการ (เช่น โปรไฟล์) ผู้ใช้จะมีระยะเวลาที่จำกัดในการทำและบันทึกการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะหมดเวลาล็อกการแก้ไข เมื่อหมดเวลาล็อกการแก้ไข พร้อมท์จะปรากฏขึ้นและถามผู้ใช้ว่าต้องการขยายเวลาล็อกการแก้ไขหรือไม่ หากผู้ใช้ไม่ตอบพร้อมท์ การล็อกการแก้ไขจะถูกยกเลิก การเปลี่ยนแปลงจะไม่ถูกบันทึก และผู้ใช้อื่น ๆ จะสามารถแก้ไขรายการนั้นได้

ตั้งค่าเวลาที่ผู้ใช้จะมีก่อนที่พรอมท์การล็อกการแก้ไขจะปรากฏ

ตั้งค่าระยะเวลาระหว่างพรอมท์ปรากฏกับการยกเลิกการล็อกการแก้ไข

หากคุณต้องการกำหนดค่าขีดจำกัดสูงสุดสำหรับข้อความเซิร์ฟเวอร์โครงข่ายที่อนุญาตในข้อความค้าง ให้ป้อนจำนวนของข้อความในกล่องข้อความภายใต้ ข้อความค้าง หากถึงขีดจำกัดการล้นของข้อความ เซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์จะควบคุมไว้และข้อความนอกเหนือจากนั้นจะถูกจัดเก็บในไฟล์ไปยังดิสก์จนกว่าข้อความค้างจะลดลง เมื่อควบคุมปริมาณเซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์ เซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นจะไม่ส่งอัพเดตสถิติอุปกรณ์ไปยังเซิร์ฟเวอร์โครงข่ายอีกต่อไป หลังจากที่ลดข้อความค้างแล้ว ข้อความจะถูกดึงจากไฟล์ที่จัดเก็บกลับลงในล็อก และเลิกควบคุมปริมาณเซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์ ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการบันทึกการตรวจสอบ ให้ดูที่ การกำหนดค่าการบันทึกการตรวจสอบ ตัวเลือกนี้สามารถใช้ได้โดยผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น

เปลี่ยนภาษาที่ใช้แสดงของคอนโซล Avalanche การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนโซลสำหรับผู้ใช้ที่กำหนดค่านั้นเท่านั้น

เปลี่ยนเขตเวลาที่ส่งผลต่อเวลาที่แสดงในคอนโซล Avalanche การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนโซลสำหรับผู้ใช้ที่กำหนดค่านั้นเท่านั้น

ตั้งค่าโครงสร้างแม่แบบ URL สำหรับการเข้าถึงคลังข้อมูล ตามค่าเริ่มต้น ค่านี้จะถูกตั้งไว้ที่ https://*/AvalancheDataRepository.

หาก แม่แบบ URL บริการคลังข้อมูล ถูกเปลี่ยน เพย์โหลดไฟล์ทั้งหมดจะต้องถูกบันทึกอีกครั้งเพื่ออัพเดตไปยังตำแหน่งไฟล์ใหม่

ตั้งรหัสผ่านที่อุปกรณ์จำเป็นต้องใช้ในการลบเพย์โหลดออกจากอุปกรณ์ iOS รหัสผ่านนี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้อุปกรณ์ Androidแทนที่การจำกัดแอพฯ ได้

บังคับให้อุปกรณ์อัจฉริยะเช็คอินไปยังเซิร์ฟเวอร์ Avalanche ในช่วงเวลาที่ระบุ การดำเนินการคำสั่ง อัพเดตเดี๋ยวนี้ สำหรับอุปกรณ์จะไม่เป็นการรีเซ็ตช่วงเวลา

หากตัวเลือกนี้ไม่ได้เปิดใช้งาน อุปกรณ์อัจฉริยะจะเช็คอินเฉพาะเมื่อการทำงานต่อไปนี้เกิดขึ้น:

• ผู้ใช้คอนโซล Avalanche เลือกอุปกรณ์และคลิก อัพเดตเดี๋ยวนี้

• ผู้ใช้คอนโซล Avalanche ดำเนินการปรับใช้และเลือกตัวเลือก ร้องขอการเช็คอินโดยทันทีสำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมด

• ผู้ใช้อุปกรณ์ลงทะเบียนใหม่หรือใช้ Enabler เพื่อ เชื่อมข้อมูล

ข้อมูลประจำตัวที่ใช้สำหรับบริการผสานการใช้งาน LDAP ที่เกี่ยวข้องกับตัวจัดการ LANDESK Mobility ในการใช้ตัวเลือกเหล่านี้ คุณจะต้องเลือกตัวเลือก LDAP สำหรับการเข้าสู่ระบบและการลงทะเบียน ภายในตัวเลือกการรับรองความถูกต้องเช่นเดียวกันกับตัวเลือก เปิดใช้งานการกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ คุณจะต้องให้ใบรับรองไปยังบัญชีผู้ดูแลระบบ LANDESK เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ใน Mobility Manager คุณยังจะต้องกรอกข้อมูลนี้หากคุณต้องการใช้ข้อมูลประจำตัว LDAP ในการเข้าสู่ระบบ Avalanche สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ LANDESK Mobility Manager

• เซิร์ฟเวอร์หลัก LDMS ที่อยู่และข้อมูลประจำตัวในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์หลัก LDMS

• บัญชี LDAP ที่อยู่และข้อมูลประจำตัวในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ LDAP จำเป็นต้องใช้เพื่อลงทะเบียนอุปกรณ์ Windows 8

• การใช้งานกับบริการคลาวด์ หากคุณใช้ CSA ในการรองรับการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ Avalanche กับเซิร์ฟเวอร์หลัก LDMS ให้เปิดใช้งานกล่องกาเครื่องหมายและให้ที่อยู่ที่ใช้งานได้ในสาธารณะของ CSA จะต้องป้อนที่อยู่ที่นี่หากคุณต้องการเปิดใช้งานการสื่อสารที่ปลอดภัยระหว่างแอพพลิเคชันที่ Wrap

แสดงข้อความบนหน้าจอเข้าสู่ระบบและที่ด้านบนสุดของคอนโซลสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด

เปิดใช้งาน Avalanche เพื่อสื่อสารแบบไร้สายกับอุปกรณ์อัจฉริยะผ่านการใช้งานการเข้ารหัสข้อมูลสำหรับบริการเฉพาะ

• กูเกิล GCM ป้อนหมายเลขโปรเจ็กต์กูเกิล และคีย์ API เพื่ออนุญาตให้อุปกรณ์ Android ติดต่อโดยตรงกับเซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์อัจฉริยะของคุณ รายละเอียดเหล่านี้จำเป็นสำหรับอุปกรณ์ Android แม้ว่าคุณจะใช้เพียง ANS Enabler เท่านั้น ในการเปิดใช้งานการสื่อสารกับอุปกรณ์ Android ให้ดูที่ GCM สำหรับ Android

• Apple iOS อัพโหลดใบรับรอง APNS ที่ลงชื่อและป้อนรหัสผ่านที่เกี่ยวข้อง ในการเปิดใช้งานการสื่อสารกับอุปกรณ์ iOS ให้ดูที่ ใบรับรอง APNS สำหรับ iOS

อนุญาตให้ Avalanche ติดต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์อัจฉริยะและอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยใช้ใบรับรอง SSL โดยต้องอัพโหลดใบรับรอง ใส่รหัสผ่านที่เกี่ยวข้อง และพิมพ์ที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์อัจฉริยะ สำหรับข้อมูลเรื่องการสร้างใบรับรอง ให้ดูที่ ใบรับรอง SSL

ตั้งค่าตัวเลือกการเชื่อมต่อสำหรับการควบคุมระยะไกลบนอุปกรณ์ Android สามารถกำหนดที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ได้โดย IP หรือชื่อโฮสต์ ควรใส่โปรโตคอล HTTP ในช่องโปรโตคอลเซิร์ฟเวอร์แทนที่จะใส่รวมกับที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ ตามค่าเริ่มต้น ช่องนี้จะว่างอยู่

อนุญาตให้ Avalanche ระงับหรือควบคุมการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์องค์กรกับเซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์ ในการกำหนดค่าการสื่อสารเซิร์ฟเวอร์ถึงเซิร์ฟเวอร์ ให้ดูที่ การจำกัดการสื่อสารเซิร์ฟเวอร์ถึงเซิร์ฟเวอร์

Avalanche อนุญาตให้ผู้ใช้คอนโซลเข้าสู่ระบบคอนโซล Avalanche โดยใช้ข้อมูลเดียวกันกับที่ใช้เข้าสู่ระบบเครือข่ายได้ (ด้วยเซิร์ฟเวอร์ LDAP/แอ็คทีฟไดเร็กเทอรี่) ตัวเลือกจะถูกปิดใช้งานไว้ตามค่าเริ่มต้น

• ปิดใช้งานการเข้าสู่ระบบแบบรวม หากคุณไม่มีบัญชีหรือเซิร์ฟเวอร์ LANDESK Mobility Manager การเลือกตัวเลือกนี้จะไม่ร้องขอข้อมูลประจำตัวการตรวจรับรองความถูกต้อง ตัวเลือกจะถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้น

• LDAP ที่อยู่ในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ LDAP ในการเปิดใช้งานความปลอดภัย SSL ให้เลือก LDAPS

• LDAP สำหรับการเข้าสู่ระบบและการลงทะเบียน ที่อยู่และข้อมูลประจำตัวสำหรับเซิร์ฟเวอร์หลักและบัญชี LDAP จำเป็นต้องลงทะเบียนอุปกรณ์ Windows 8 และสำหรับการผสานกับ LANDESK Mobility Manager

ระบุข้อมูลประจำตัวการลงทะเบียนที่จะต้องใช้กับการลงทะเบียนแบบหลายเครื่องของ Windows Embedded Handheld 8.1 บน Avalanche วิธีการลงทะเบียนนี้ไม่ต้องใช้ข้อมูลประจำตัว LDAP สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนแบบหลายเครื่อง ให้ดูที่ การลงทะเบียน Windows Phone แบบทีละหลายเครื่อง

• อีเมลผู้ใช้สำหรับการลงทะเบียน ที่อยู่อีเมลที่ต้องใช้สำหรับการลงทะเบียนอุปกรณ์ Windows Embedded Handheld 8.1 หลายเครื่อง โดเมนอีเมลที่ป้อนที่นี่จะต้องเป็นโดเมนที่เพิ่มไปยังแถบคำสั่ง โดเมนอีเมล ไม่เช่นนั้นอุปกรณ์ Windows จะไม่สามารถลงทะเบียนได้

• รหัสผ่านการลงทะเบียน รหัสผ่านที่เชื่อมโยงกับที่อยู่อีเมลที่ใช้ในช่อง อีเมลผู้ใช้สำหรับการลงทะเบียน

• ยืนยันรหัสผ่าน ยืนยันรหัสผ่านการลงทะเบียน

ไฟล์ prov.xml จะต้องได้รับการแก้ไขบนอุปกรณ์แต่ละเครื่องเพื่อให้รวมข้อมูลประจำตัวการลงทะเบียนแบบหลายเครื่อง จะต้องเพิ่มข้อความต่อไปนี้ไปยังไฟล์โดยเปลี่ยนเป็นค่าของคุณเองแต่ละค่า:

<characteristic type="EnterpriseExt">

<characteristic type="MDM">

<parm name="Server" value="https://aod.wavelink.com/EnrollmentServer/DeviceEnrollmentService.svc" />

<parm name="Username" value="[email protected]" />

<parm name="Password" value="password" />

<parm name="EnableDeviceEnrollment" value="true" datatype="boolean" />

</characteristic>

</characteristic>

ค่าสำหรับ เซิร์ฟเวอร์, ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ในการตั้งค่าระบบจะต้องตรงกับข้อมูลประจำตัวที่รวมอยู่ในไฟล์ prov.xml

หากไฟล์การจัดหาถูกเพิ่มหรือเปลี่ยนหลังจากบูตอุปกรณ์อัจฉริยะเป็นครั้งแรก อุปกรณ์ Windows Embedded Handheld จะต้องได้รับการรีเซ็ตและผ่านการจัดหา OOBE อีกครั้ง เมื่อตั้งค่าแล้ว สมาร์ทโฟนจะลงทะเบียนใน Avalanche ตามข้อมูลประจำตัวการลงทะเบียนแบบหลายเครื่องและปรากฏบนหน้าคลังโดยอัตโนมัติ

สำหรับข้อมูลสนับสนุนเรื่องการเข้าถึงและแก้ไขไฟล์การจัดหาสำหรับอุปกรณ์ Windows Embedded Handheld 8.1 โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์เครือข่ายนักพัฒนาของ Microsoft

สร้างไฟล์คู่คีย์แบบสาธารณะและส่วนตัวเพื่อใช้งานในโปรแกรมการลงทะเบียนอุปกรณ์ของ Apple (DEP) เมื่อคลิกปุ่ม สร้าง เบราว์เซอร์ของคุณจะดาวน์โหลดไฟล์ใบรับรองโดยอัตโนมัติ รายการสำหรับใบรับรองและไฟล์คีย์จะถูกเพิ่มไปยังตารางด้านล่างเพิ่มเติมจากใบรับรองและคีย์ที่ได้สร้างก่อนหน้าอื่น ๆ ใบรับรองและคีย์ที่สร้างก่อนหน้าทั้งหมดยังคงสามารถดาวน์โหลดได้

การสร้างใบรับรองและคีย์จำเป็นในการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MDM) บน Apple Console สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ โปรแกรมการลงทะเบียนอุปกรณ์ของ Apple

เพิ่มลิงก์กำหนดเองในเมนูเครื่องมือเพื่อการเข้าถึงไปยังหน้าอื่น ๆ โดยตรง ในการเพิ่มลิงก์ ให้ดูที่ การสร้างลิงก์ในเมนูเครื่องมือ

เพิ่มโปรโตคอลการลงทะเบียนใบรับรองแบบง่าย (SCEP) สำหรับการออกใบรับรองให้กับอุปกรณ์เครือข่าย การติดต่อกับผู้มีอำนาจให้ใบรับรองผ่าน SCEP จะช่วยให้คุณสามารถแจกจ่ายและเพิกถอนใบรับรองที่ใช้งานอยู่ ลงทะเบียนใบรับรอง และตั้งคำถามใบรับรองบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ถูกจัดการ ข้อมูลประจำตัวที่ใช้ที่นี่เพื่อติดต่อกับผู้มีอำนาจให้ใบรับรองจะถูกสร้างในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตั้งค่า SCEP

• ชื่อ ป้ายสำหรับการระบุผู้มีอำนาจให้ใบรับรองกำลังถูกใช้อยู่

• คำอธิบาย รายละเอียดโดยย่อของผู้มีอำนาจให้ใบรับรองที่กำลังถูกใช้หรืออุปกรณ์อะไรที่ใช้ใบรับรองจากสิ่งนี้

• SCEP URL IP หรือ ชื่อโฮสต์ สำหรับเซิร์ฟเวอร์ SCEP ของคุณ ตามที่กำหนดไว้ในช่วงการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ Microsoft SCEP URL นี้จะต้องเป็น HTTPS ตัวอย่างเช่น SCEP URL จะเป็น:

https://scep.domain.com/CertSrv/mscep/mscep.dll

• การขอแบบคงที่ รหัสผ่านแบบคงที่ที่ใช้เมื่อมีการส่งคำขอใบรับรองไปยังผู้มีอำนาจให้ใบรับรอง เมื่ออุปกรณ์สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์การจัดการใบรับรอง ก็จะส่งข้อมูลรหัสผ่านนี้สำหรับแต่ละการรับรองความถูกต้อง

• ชื่อหัวข้อ ช่องนี้เป็นชื่อทั่วไปสำหรับใบรับรองแต่ละใบที่ออกมา ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ในขณะนี้และไม่ได้เป็นค่าเริ่มต้นให้กับหมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้

• ความยาวของคีย์ส่วนตัว กำหนดว่าความยาวของอุปกรณ์คีย์ส่วนตัวจะต้องร้องขอใบรับรองจากเซิร์ฟเวอร์ SCEP คุณสามารถตั้งค่านี้เป็น 1024 หรือ 2048 ความยาวนี้มักจะถูกตั้งไว้ในช่วงกระบวนการตั้งค่า Microsoft SCEP